Thai Elephant-assisted Therapy Project วัฒนธรรมภาคเหนือที่เกี่ยวกับศา...
ReadyPlanet.com


วัฒนธรรมภาคเหนือที่เกี่ยวกับศาสนา ความเลื่อมใส ความเชื่อถือเกี่ยวกับการเชื่อถือผี


ประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์

วัฒนธรรมภาคเหนือ ภาคเหนือมีลักษณะเป็นแนวเขา สลับกับที่ ราบ ผู้คนจะกระจายตัวอยู่เป็นกรุ๊ป มีวิถีชีวิต และก็ขนบประเพณีเป็นของตัวเอง แม้กระนั้นก็มีการ ติดต่อระหว่างกัน วัฒนธรรมของภาคเหนือหรือ บางทีอาจเรียกว่า “กรุ๊ปวัฒนธรรมล้านนา” ซึ่งเป็น วัฒนธรรมดั้งเดิมรวมทั้งมีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล อีกทั้ง สำเนียงการพูด การขับขาน ฟ้อน หรือการจัด งานพบปะสังสรรค์สถานที่สำคัญที่มีเพียงแต่โบราณ ยกตัวอย่างเช่น พระบรมสารีริกธาตุภูเขาสุเทพ วัดเจดีย์หลวง ฯลฯ

วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนา ความเลื่อมใส ความเชื่อถือเกี่ยวกับการเชื่อถือผี คนเหนือหรือที่เรียกกันว่า “ชาวล้านนา” มีความเชื่อในประเด็นการเชื่อถือผีตั้งแต่เดิม โดย มั่นใจว่าสถานที่ดูเหมือนจะทุกที่ มีผีให้ความพิทักษ์รักษาอยู่ ความเลื่อมใสนี้ก็เลยมีผลต่อการดำนงชีพทุกวัน มองเห็นได้ จากขนบประเพณี ขนบธรรมเนียม รวมทั้งพิธีการต่างๆของชาว เหนือ ยกตัวอย่างเช่น คนเฒ่าคนแก่คนเหนือ (บิดาอุ๊ยตายแม่อุ๊ยตาย) เมื่อไปวัดฟัง ธรรมก็จะประกอบพิธีเลี้ยงผีหมายถึงหาของคาว-หวานบวงสรวง บวงสรวงผีปู่ย่าด้วย
 
ผีที่มีความหมายต่อวิถีชีวิตของชาวล้านนา ตัวอย่างเช่น
– ผีบรรพบุรุษ มีบทบาทป้องกันญาติพี่น้องและก็ครอบครัว
– ผีป้องกัน หรือผีเจ้าที่เจ้าทาง มีบทบาทคุ้มครองปกป้องบ้านเรือนและก็ชุมชน
– ผีขุนน้ำ มีบทบาทให้น้ำแก่นา
– ผีฝาย มีบทบาทป้องกันเมืองฝาย
– ผีสบน้ำ หรือผีปากน้ำ มีบทบาทป้องกันรอบๆที่แม่น้ำสองสายมาบรรสิ้นสุดกัน
– ผีวิญญาณประจำข้าว เรียกว่า เจ้าแม่โพสพ
– ผีวิญญาณประจำแผ่นดิน เรียกว่า เจ้าแม่ธาตรี
 
ในทุกวันนี้เรื่องสำหรับเพื่อการเชื่อถือผีรวมทั้งขนบธรรมเนียมที่เกี่ยวเนื่อง มีการเปลี่ยนรวมทั้งเหลือลดน้อยลง โดยยิ่งไปกว่านั้นใน เขตเมือง แม้กระนั้นในบ้านนอกยังคงมีการปฏิบัติกันอยู่
 
คนล้านนามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอยู่กับการเชื่อถือผี สามารถพบเจอ ได้จากการดำรงชีวิตทุกวันของคนกรุงเอง อาทิเช่น เมื่อในช่วงเวลาที่จำเป็นต้องเข้า ป่าไปพบของกิน หรือจำต้องค้างค้างอยู่ในป่า ชอบจำต้องบอกเล่าเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าทางเสมอ แล้วก็เมื่อในขณะที่ทานข้าวในป่า ก็ชอบแบ่งของกินให้เจ้าที่เจ้าทางด้วย ด้วยเหมือนกัน ยิ่งกว่านั้นเมื่อเวลาจะอยู่ ที่ไหนก็ช่างไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือใน ป่า เมื่อในตอนที่จำเป็นต้องถ่ายหรือเยี่ยว ก็ชอบจำเป็นต้องขอจากเจ้าที่เจ้าทางก่อน อยู่ตลอด พวกนี้ทำให้เห็นว่าวิถีชีวิตของคนกรุงผูกผันอยู่กับการเชื่อถือผี
 
การเลี้ยงผีของคนล้านนาจะอยู่ในตอนระหว่างเดือน 4 เหนือ จนกระทั่ง ถึงเดือน 8 เหนือ ระยะเวลานี้พวกเราจะพบว่าตามหมู่บ้านต่างๆในภาค เหนือจะมีการเลี้ยงผีบรรพบุรุษกันเป็นอันมาก อย่างเช่น ที่อำเภอเชียง คำ จังหวัดพะเยา ก็จะมีการเลี้ยงผีเสื้อบ้านเสื้อเมือง ซึ่งเป็นผีบรรพ ชายของชาวไทลื้อ พอเพียงต่อจากนี้อีกไม่นานก็จะมีการเลี้ยงผีลัวะ หรือ จารีตประเพณีบูชาเสาอินทขิล ซึ่งเป็นจารีตโบราณของชาวเมือง รวมทั้งยัง ไม่นับรวมทั้งการ เลี้ยงผีมด ผีเม็ง รวมทั้งการเลี้ยงผีปู่แสะคุณย่าแสะของ ชาวลัวะ ซึ่งจะทยอยทำกันหลังจากนี้
 
ในตอนกึ่งกลางหน้าร้อนจะมีการลงเจ้าเข้าเจ้าตามหมู่บ้านต่างๆดังนี้อาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากความศรัทธาของประชาชนที่ ว่า การลงเจ้าเป็นการพบปะสนทนากับผีบรรพบุรุษ ซึ่งในปีหนึ่งจะมีการลงเจ้าหนึ่งครั้ง รวมทั้งสำหรับเพื่อการลงเจ้าครั้ง นี้ จะฉวยโอกาสประกอบพิธีรดน้ำดำหัวผีบรรพบุรุษไปด้วย ยังมีพิธีการเลี้ยงผีอยู่พิธีการหนึ่งที่ชอบปฏิบัติกันในช่วง นี้ รวมทั้งที่สำคัญในปีหนึ่งจะประกอบพิธีนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเพียงแค่นั้น ซึ่งก็คือ “การเลี้ยงผีมดผีเม็ง” ราษฎรที่ประ กอบพิธีการนี้ขึ้นกล่าวว่า การเลี้ยงผีมดผีเม็งจะเลี้ยงอยู่ 2 กรณีเป็นเมื่อเวลามีผู้บาดเจ็บเจ็บไข้ เจ็บป่วยในหมู่บ้าน จะ ประกอบพิธีบนผีเม็ง เพื่อขอใช้ช่วยรักษา เมื่อขณะที่หายแล้วจำเป็นที่จะต้องประกอบพิธีเชิญชวนวิญญาณผีเม็งมาลง และก็หา ดนตรีมาเล่น เพื่อเพิ่มความสนุกสนานร่าเริงแก่ผีมด ผีเม็งด้วย อีกกรณีหนึ่งเมื่อปลอดคนป่วยในหมู่บ้านจำเป็นที่จะต้อง ประกอบพิธีเลี้ยงผีมดผีเม็งทุกปี โดยต้องหาโอกาสยามที่สมควร และก็ควรต้องทำระหว่างช่วงเดือน 4 เหนือ ถึงเดือน 8 เหนือ ก่อนเข้าพรรษา ด้วยเหตุว่าถ้าเกิดไม่ประกอบพิธีผีมดผีเม็งอาจจะไม่คุ้มครองปกป้องคนภายในหมู่บ้านก็ได้ ดัง นั้นเมื่อใกล้ถึงขณะดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว พวกเราชอบเจอภาพพิธีการกลุ่มนี้ตามหมู่บ้านต่างๆคนล้านนากับความศรัทธาสำหรับเพื่อการเลี้ยงผี นับได้ว่าเป็นพิธีการที่สำคัญของเรา แม้การดำรงชีพของ พวกเขาจะราบรื่นไม่เจอปัญหาใด แต่ว่าภายใต้ความสำนึกที่จริงจริงแล้ว คนล้านนากลุ่มนี้ไม่บางทีอาจลืม วิญญาณของผีบรรพบุรุษ ที่เคยช่วยเหลือให้พวกเขามีชีวิตที่ธรรมดาสุขมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ถึงแม้เวลาจะแปร แปรไปเช่นไร ภาพที่พวกเรายังคงประสบพบเห็นได้เสมอเมื่อเวลาเดินทางไปยังหมู่บ้านต่างๆในบ้านนอก ก็คือ เรือน เล็กๆข้างหลังเก่าตั้งอยู่กึ่งกลางหมู่บ้าน ซึ่งก็คือ “หอพักเจ้าที่เจ้าทางประจำหมู่บ้าน” ที่ยังย้ำเตือนให้พวกเขาไม่ให้หลงไหล ไปกับกระแสสังคมนั่นเอง
 
วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับประเพณีพื้นบ้าน
จารีตประเพณีของภาคเหนือ มีลักษณะเป็นพิธีบูชาที่เกี่ยวกับวิถีการดำเนินชีวิต ที่เกิดขึ้นมาจากการประสมประสาน ระหว่างศาสนาพุทธกับความเลื่อมใส ในประเด็นการเชื่อถือผี ทำให้มีจารีตประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งรูปแบบของ ขนบธรรมเนียมจะนาๆประการตามฤดูกาล เป็น
 
ระยะแรก (ม.ย.ถึงเดือนมิถุนายน) เป็นตอนๆการเริ่มต้นปีใหม่หรือ วันสงกรานต์งานจารีตประเพณี ก็เลยเกี่ยวกับการทำบุญ เพื่อความเป็นมงคล ต้อนรับชีวิตใหม่ แล้วก็อุทิศส่วนบุญบุญกุศลไปให้แก่บรรพบุรุษ มีการเลี้ยง ผีรวมทั้งรำผี เพื่อขอฝนช่วยทำให้กำเนิดความอุดมสมบูรณ์ด้านในไร่
 
ตอนลำดับที่สอง (มิถานายนถึงเดือนตุลาคม) เป็นตอนๆของการเพาะปลูก และก็เป็นเข้าพรรษา จารีตประเพณีก็เลยเกี่ยวพันกับการประกอบ อาชีพรวมทั้งศาสนา
 
ตอนลำดับที่สาม (ต.ค.ถึงเดือนเมษายน) เป็นตอนๆของการเก็บเกี่ยวพืช ผลรวมทั้งเทศกาลวันออกพรรษา นับว่าเป็นเวลาที่การพักผ่อนหย่อนใจงาน จารีตประเพณี ก็เลยเป็นงานกินเลี้ยงและก็การทำบุญที่เกี่ยวศาสนา
 
จารีตประเพณีวันสงกรานต์ คนเหนือมีจารีตวันสงกรานต์ที่ราวกับคนไทยภาคอื่นเป็นมี การทรงน้ำพุทธรูป มีจารีตขนทรายเข้าวัด จารีตประเพณีรดน้ำ ดำรง ขอพรจากผู้ใหญ่ สิ่งที่เป็นประเพณีพื้นบ้านเป็นมีการทำ บุญมอบให้ขันข้าวที่มอบให้ตุง รวมทั้งไม้ค้ำสะหลีหรือไม้ค้ำโพธิ์ เพื่ออุทิศ ส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่วิญญาณผีบรรพบุรุษ แล้วก็สำเร็จบุญสำหรับตัวเอง
 
จารีตสืบชะตา ชาวล้านนามีความเห็นว่า แนวทางการทำพิธีการสืบชะตาจะช่วยยืดอายุให้ตน เอง วงศ์ญาติ แล้วก็บ้านเรือนให้ยืนยาว นำไปสู่ความรุ่งเรือง และก็ความเป็นมงคล โดยแบ่งการสืบชะตาแบ่งได้เป็น 3 ชนิด เป็น
– การสืบชะตาคน นิยมทำกันหลายช่องทาง ได้แก่ วันเกิด วันที่
– ได้รับตำแหน่งตำแหน่ง วันขึ้นชาติบ้านเมือง
– การสืบชะตาบ้าน เป็นการสืบชะตาชุมชนหรือหมู่บ้าน เพื่อกำเนิดมิ่งขวัญขจัดทุกภัยต่างๆนิยมจัดเมื่อผ่านตอนวันสงกรานต์ไปแล้ว การสืบชะตาเมือง เป็นพิธีการที่จัดขึ้นด้วยความศรัทธาว่าเทพจะช่วยอวยความสำราญให้ประเทศ
 
รุ่งเรือง สมบูรณ์บริบูรณ์ ในสมัยก่อนพระราชาเป็นประธานในพิธีการสืบชะตาเมือง วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับประเพณีพื้นบ้าน
 
จารีตประเพณีปอยน้อย เป็นขนบธรรมเนียมบรรพชา หรือการบวชของคนเหนือจะมีชื่อเรียกแตกต่างในบางแคว้น ดังเช่นว่า ปอยน้อย ปอย บรรพชา ปอยลูกแก้ว ปอยหายทดลอง นิยมจัดด้านในก.พ.หรือเดือนมีนาคม ซึ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว ใน พิธีการบรรพชาจะมีการจัดงานฉลองเป็นอย่างมากใหญ่ มีการที่ลูกแก้วหรือผู้บรรพชาที่จะแต่งตัวอย่างงดงามแบบ กษัตริย์หรือพระราชโอรส เพราะว่าถือแบบอย่างว่าพระราชโอรสสิทธัตถะได้เสด็จบวชจนกระทั่งรู้
 
การแห่นิยมให้ลูกแก้วขี่ม้าหรือขี่ขอคน มีการร้องรำกันอย่างเบิกบาน สนาน ในงานนี้จะมีผลให้เด็กผู้ชายปกติเปลี่ยนเป็น “ลูกแก้ว” หรือ“เด็กมีค่าเสมือนแก้ว” บางเขตแดนการบรรพชาลูกแก้วเป็นการเปิด ช่องทางให้คนที่ไม่ใช่บิดามารดาหรือญาติด้วยกันเป็นเจ้าภาพด้วย เพื่อ เป็นการแบ่งบุญรวมทั้งช่วยส่งเสริมค่าใช่จ่ายสำหรับในการจัดงาน ผู้จัดงาน จะเรียกว่า “บิดาออก หรือพ่อที่การจากไป” จากชีวิตทางโลก ของผู้บรรพชา และก็ผู้บรรพชาจะกระทำตัวต่อบิดาออกเสมือนเป็นบิดามารดาจริงๆบิดาออกรวมทั้งลูกแก้วก็เลยกำเนิดความสัมพันธ์กัน บอกได้ว่าเป็นการสร้าง ความเกี่ยวข้องที่ดีต่อกันระหว่างคนภายในสังคม
เดี๋ยวนี้จารีตประเพณีบรรพชาลูกแก้วที่มีชื่อเป็น จารีตประเพณีบรรพชาลูกแก้ว ที่จังหวัดแม่ฮองสอน เมื่อข้าวเหนียวสุก แล้วจะนำออกมาจากหวดมาผึ่งบนภาชนะที่เรียกว่า “กั๊ว หรือกระโบม” ซึ่งเป็นภาชนะที่เหมือนรูปตะกร้าที่ ทำด้วยไม้ เพื่อข้าวเหนียวไม่เฉอะแฉะ แล้วก็ใส่ข้าวเหนียวลงภาชนะจักสานที่เรียกว่า ก่องหรือกระตำหนิบ ในภาค อีสาน ทำให้ข้าวเหนียวอุ่นอยู่ได้นานจนกระทั่งเวลากิน
 
จารีตประเพณีแห่นางแมว (ช่วง ราวๆพ.ค.ถึงส.ค.)
การดำรงชีพทางเกษตรในยุคเก่านั้น จำต้องพึ่งพิงภาวะสภาพอากาศ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าหากปีไหนฝนดีต้นกล้าในนาก็เจริญเติบโตดี ถ้าปีใดฝนไม่ตก หรือฝนไม่ตกต้องตามฤดู กล้าในทุ่งนา
ก็จะเสียหาย ไม่มีน้ำจะทำไร่ทำนาประชาชนไม่มีกรรมวิธีการอื่นใดที่สามารถช่วยได้ ก็เลยพึ่งพาอาศัยสิ่งเหนือธรรมชาตินาๆประการดังเช่น ประกอบพิธีขอฝนโดยการแห่นางแมว เช้าใจกันว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วจะช่วยทำให้ฝนตกลงมาได้
 
พิธีการ นำชลอมมาตกแต่งให้สวยสดงดงาม ใส่แมวไว้ภายในผูกผูกให้เป็นระเบียบ ข้างหลังใส่แคร่หามหัวด้านหลังสองคนแห่ไป บริเวณหมู่บ้านโดยมีกลองยาวนำขบวน พร้อมด้วยร้องแห่นางแมว ผ่านหน้าบ้านคนไหน เจ้าของบ้านก็จะเอา กระบวยตักน้ำมาสาดรดแมว และให้รางวัลแก่พวกแห่ อาทิเช่น สุรา ข้าวปลา หรืออาหารอื่นๆแล้วเขยื้อน ถัดไปเรื่อยจนกระทั่งสิ้นสุดหมู่บ้าน ก็นำของนั้นมาเลี้ยงกัน ปฏิบัติดังต่อไปนี้กระทั่งฝนจะตก เนื้อร้องเพลงแห่นาง แมว มีดังตั้งแต่นี้ต่อไป
 
วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับที่พักอาศัย จุดแข็งชัดในทางสังคมแล้วก็วัฒนธรรมอย่างหนึ่งของชุมชนในภาคเหนือ ที่แตกต่างจากภาคอื่นๆก็หมายถึงบรรดาชุมชนหมู่บ้านต่างๆที่อยู่ในช่องเขาเดียวกันนั้น ควรจะมี ความเกี่ยวข้องกันทางด้านสังคม เศรษฐกิจรวมทั้งวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด ก็เลย จะอยู่ร่วมกันได้ สิ่งนี้แลเห็นได้จากการร่วมแรงกันสำหรับเพื่อการทำให้มีการ ชลประทาน เหมืองฝายขึ้น ซึ่งก็คือแต่ละชุมชนต้องมาร่วมกันทำ ฝายหรือเขื่อน รวมทั้งขุดลอกลำเหมืองเพื่อระบาย น้ำจากฝายที่ กันสายธารไปเลี้ยงนาของแต่ละชุมชน ดังนี้เป็นเพราะเหตุว่าในแต่ละหุบ เขานั้น ลักษณะพื้นที่เป็นที่ลาดลงสู่รอบๆที่เป็นแอ่งตอน กึ่งกลางที่มีลำธารไหลผ่าน ลำธารดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วนี้มีสาเหตุจากสายธาร หรือลำธาร สาขาที่ไหลลงจากที่สูงทั้งสองข้างซอกเขามาสมทบด้วย ปริมาณลำ น้ำพวกนี้มีจำกัดน้อยเกินไปแก่การเพาะปลูกของมนุษย์ทั่วๆไป ก็เลยจำ เป็นจำต้องทำฝายกั้นน้ำและก็ขุดเหมืองจากรอบๆสายธารหรือธารน้ำนั้น เข้าไปเลี้ยงนาแล้วก็เพื่อการใช้น้ำของ ชุมชน ก็เลยควรมีการออกแรงด้วยกัน กำเนิดมีหลักเกณฑ์รวมทั้งแบบแผนสำหรับการร่วมแรงร่วมใจกันทำเหมืองฝายมาแม้กระนั้น โบราณ ก็เลยเป็นกิจกรรมที่กษัตริย์เจ้าผู้ครองนครหรือนายบ้าน ควรต้องรอควบคุมดูแลให้มีการร่วมมือกัน และก็ลง โทษคนที่ไม่ร่วมมือทว่าลักน้ำลักขโมยน้ำจากคนอื่น ก็เลยกำเนิดมีข้อบังคับโบราณขึ้นที่เรียกว่า “ข้อบังคับมังราย”มั่นใจว่าพญามังรายผู้ผลิตดินแดนล้านนาเป็นผู้ข้อกำหนดขึ้น
 
ที่อยู่ที่อาศัย วัฒนธรรมจารีต ภาวะสภาพอากาศ มีส่วนระบุลักษณะที่พักที่อาศัยของมนุษย์ บ้านที่พัก ในภาคเหนือ นิยมสร้างด้วยอุปกรณ์ธรรมชาติที่มีอยู่ในเขตแดนสอดคล้องกับวิถีชีวิต ตัวบ้านมีขนาดเล็กใต้ถุน สูง หลังคาทรงจั่ว ประดับประดายอดหลังคาด้วยไม้แกะขัดกัน เรียกว่า “กาแล” คนเหนือที่มีฐานะดีจะอยู่ เรือนที่ออกจะมีขนาดใหญ่รวมทั้งประณีตบรรจงและละเอียดลออเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
 
กาแลหมายถึงไม้ประดับยอดจั่วหลังคาของบ้านล้านนาภาคเหนือ
ของพวกเรา มีประวัติและก็ที่ไปที่มาหลาก หลายแบบ แม้กระนั้นถ้าไต่ตรอง ณาในเชิงช่างแล้ว กาแลนี้เป็นตัวกันไม่ ให้ “กา” หรือนกทั่วๆไปมาเกาะที่กึ่งกลางจั่ว หน้าบ้าน (กึ่งกลางป้านลม) ทำให้นกพวกนั้นไม่มา ถ่ายมูลรดหลังคาบ้านให้เป็นรอยเปื้อนน่ารังเกียจจะชำระล้างก็ยากเย็นแสนเข็ญ ซึ่งราษฎรนับว่าเป็นสิ่งอวมงคล
 
วัฒนธรรมที่ต่อเนื่องจากกระบวนการทำทำการเกษตร คนประเทศไทยในอาณาจักรล้านนามีชีวิตรวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ โดยการดำรงชีพทำการเกษตรเป็นหลัก พื้นที่ส่วนมากเป็นเทือกเขา ซอกเขา

 



ผู้ตั้งกระทู้ มีนา :: วันที่ลงประกาศ 2023-01-27 13:07:15


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2011 All Rights Reserved.